วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2553

การขับสารพิษ(Chelation therapy)

การขับสารพิษ(Chelation therapy) ฯลฯ
คีเลชั่นทางเลือกเพื่อการบำบัด ที่คุณเลือกได้

คงจะรู้กันมาบ้างแล้วว่าการล้างสารพิษที่หมักหมมในตัวออกไป จะทำให้ร่างกายแข็งแรงเลือดลมเดินสะดวก ถ้าทำเป็นประจำก็จะช่วยฟื้นฟูสุขภาพและรักษาโรคร้ายแรงอย่างมะเร็ง โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง หอบหืด เบาหวาน รวมทั้งลดความอ้วนได้ด้วย

การล้างพิษในร่างกาย คือการบำบัดเพื่อวัตถุประสงค์ในการรักษาอาการและโรคที่พบว่ามีความเกี่ยวข้องกับการที่ร่างกายมีสารโลหะหนักสะสมในร่างกาย ที่เรียกว่า Chelation

ปัจจุบัน มลพิษในอากาศเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่ากลัว เนื่องจากปริมาณสารพิษต่างๆ ที่ปล่อยออกมาจากโรงงาน และไอเสียรถยนต์ ตลอดจนโลหะหนักที่ปนเปื้อนมากับอาหารและน้ำ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก จากการศึกษาในผู้ป่วยโรคมะเร็งและหัวใจ ต่างพบว่ามีจำนวนของสารพิษจากโลหะหนักในเลือดสูงแทบทั้งสิ้น เช่นระดับสารตะกั่วในกระดูกสูงกว่าระดับปกติ 1000% ในผู้ป่วยมะเร็ง และคนไข้โรคหัวใจจะมีระดับสารพิษของโลหะหนักสูงกว่าคนปกติถึง 20,000 เท่า

Chelation จึงเป็นทางเลือกใหม่สำหรับการล้างหลอดเลือดหัวใจ โดยไม่ต้องผ่าอก เปลี่ยนหรือบายพาสหัวใจ และเป็นทางเลือกสำหรับโรคที่ผลต่อเส้นเลือด เช่นโรคเบาหวาน โรคความดัน หรือแม้แต่โรคมะเร็ง

หลักการการบำบัดแบบ Chelation therapy
โดยปกติร่างกายมนุษย์สามารถขับสารพิษต่างๆ ออกจากร่างกายได้โดยธรรมชาติอยู่แล้ว แต่เนื่องจากปัจจุบันเราได้รับสารพิษที่เป็นผลิตภัณฑ์ทางเคมี และธาตุโลหะหนักที่มากขึ้นหลายเท่าจากอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งร่างกายไม่สามารถขับออกเองได้ทั้งหมด

การทำ Chelation Therapy คือการล้างสารพิษจากธาตุโลหะหนัก ซึ่งมีทั้งสารตะกั่ว สารปรอท สารธาตุเหล็ก ARSENIC แคดเมี่ยม และอื่นๆ ร่างกายเราได้รับสารพิษเหล่านี้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ สารพิษเหล่านี้ถูกสะสมในส่วนต่างๆ และเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคออร์ทิสติก, พาร์กินสัน, โรคสมาธิสั้นและไฮเปอร์, โรคเกี่ยวกับภูมิต้านทาน, โรคหัวใจ, อัลไซเมอร์, และโรคเกี่ยวกับระบบประสาทบกพร่อง

การล้างพิษหรือ Chelation Therapy เป็นการล้างพิษแนวใหม่ โดยใช้วิธีการฉีดเข้าเส้นเลือด ร่วมกับการรับประทานเพื่อช่วยขับสารพิษเหล่านี้ออกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อประโยชน์ในการรักษา (และเสริมการรักษา) โรคต่างๆ เช่น พิษโลหะหนัก สารพิษอื่นๆ ตกค้าง หลอดเลือดอักเสบ หลอดเลือดตีบตัน โรคภูมิแพ้ โรคปวดข้อ โรคมะเร็ง เป็นต้น

การใช้สารเคมีชื่อ EDTA (Ethyline Diamine Tetra Acetic Acid) ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ของ กรดอะมิโนผสมกับน้ำเกลือและให้ทางเส้นเลือด เพื่อรักษาการเกิดการอักเสบหรือการทำงานผิดปกติของเซลล์ในผนังของหลอดเลือด โดยสาร EDTA จะไปจับกับสารที่เป็นพวกโลหะหนักที่เป็นพิษ ซึ่งสะสมอยู่ในเซลล์ของผนังหลอดเลือด สารโลหะหนักพวกนี้ได้แก่ ตะกั่ว แคดเมียม และสารแร่ธาตุที่ใช้ในร่างกาย ซึ่งมาจับผิดที่ในเซลล์หลอดเลือด เช่นเหล็ก ทองแดง การสะสมของโลหะหนักบนเซลล์บุภายในของผนังหลอดเลือด ก็จะเหนี่ยวนำให้เกิดอนุมูลอิสระบนผนังเซลล์ โคเลส เตอรอลจึงมาจับบนผนังหลอดเลือด ทำให้รูหลอดเลือดตีบลง

เมื่อทำการ Chelation สาร EDTA จะไปจับตัวกับสารโลหะหนักและละลายออกมาในเส้นเลือดและถูกขับออกไปทางไต การจับตัวของโคเลสเตอรอลจะค่อยๆ ถูกร่างกายกำจัดให้ลดลง ผนังเซลล์ของหลอดเลือดก็จะดีขึ้น การไหลเวียนของเลือดมีปริมาณมากขึ้น อาการกล้ามเนื้อหัวใจหรืออวัยวะอื่นที่ขาดเลือดดีขึ้น เช่นสมอง ซึ่งจะทำให้ความจำดีขึ้น ในคนสูงอายุที่มีปัญหาเรื่องสมรรถภาพทางเพศก็ดีขึ้นมาได้

Chelation Therapy ไม่ใช่ของใหม่ ได้มีคนใช้มานานตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเยอรมันนีเป็นประเทศแรกที่นำมาใช้เพื่อขับสารหนู (Arsenic) ออกจากร่างกาย Chelation จึงเป็นการบำบัดทางเลือกหนึ่งซึงประหยัด ปลอดภัย และคุ้มค่า

เอกสารอ้างอิง
๑. http://www.balavi.com/content_th/nanasara/Con00021.asp
๒.http://www.bangkokhealth.com/healthnews_htdoc/healthnews_detail.asp?Number=18801
๓. http://www.dtam.moph.go.th/alternative/downloads/NokHomeo.pdf
๔. http://www.dtam.moph.go.th/alternative/viewstory.php?id=471
๕. http://www.oknation.net/blog/print.php?id=60270

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น