วันอังคารที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2553

กินอย่างไร ห่างไกลมะเร็ง

กินอย่างไร ห่างไกลมะเร็ง

"มะเร็ง" ได้ชื่อว่าเป็นโรคร้ายแรงที่หลายคนกลัวเพราะก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานและทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ง่าย การหลีกหนีจากโรคร้ายนี้จึงเป็นสิ่งหนึ่งที่ทุกคนปรารถนา

ความจริงมะเร็งหรือเนื้องอกชนิดร้ายแรงนี้เป็นโรคที่ป้องกันและรักษาให้หายได้ ถ้าเริ่มจากการรู้จักดูแลตนเองให้ดี มีการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต กินอาหารที่เหมาะสมและสมดุล และต้องไม่ลืมที่จะหลีกเลี่ยงภาวะหรือปัจจัยที่อาจทำให้เกิดโรคมะเร็ง รวมถึงหมั่นในการสำรวจตนเอง และปรึกษาแพทย์แต่เนิ่นๆ เมื่อพบว่ามีอาการผิดปกติเกิดขึ้น

สาเหตุของการเกิดมะเร็งยังไม่สามารถฟันธงลงไปได้อย่างแน่ชัดว่ามาจากเหตุใด แต่เชื่อว่ามาจาก ๓ สาเหตุหลักคือ เกิดจากร่างกายมีความต้านทานน้อยไม่แข็งแรง ทำให้เซลล์มีการแบ่งตัวผิดปกติ จนร่างกายไม่สามารถควบคุมได้ หรือเกิดจากร่างกายของเราได้รับการกระตุ้นจากมลพิษรอบๆ ตัว และเกิดจากการกินอาหารที่ไม่เหมาะสม หรือปนเปื้อนสารก่อมะเร็ง

ดังนั้น อาหารจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการเกิดโรคมะเร็ง มีรายงานว่าประมาณ ๑ ใน ๓ ของการเกิดมะเร็งมาจากการกินอาหาร โดยเฉพาะโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งตับอ่อน มะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นต้น การรู้จักเลือกกินอาหารให้ถูกต้องและเหมาะสมจึงมีส่วนอย่างมากในการป้องกันไม่ให้เป็นโรคมะเร็ง

แนวทางการกินเพื่อป้องกันมะเร็ง
-เริ่มได้ไม่ยากจากการรู้จักกินอาหารให้ครบหมวดหมู่ และหลากหลาย
ไม่กินซ้ำซากจำเจ ความหลากหลายของอาหารทำให้ร่างกายของเรามีโอกาสที่จะได้รับสารอาหารชนิดต่างๆ ครบถ้วน ในปริมาณที่เพียงพอที่จะทำให้เซลล์แข็งแรง และสามารถทำงานได้ปกติ หลายคนอาจสงสัยว่ากินอย่างไรจึงเรียกว่าหลากหลาย

ที่จริงแล้วก็คือการกินอาหารให้ได้มากชนิด หรือกินอาหารที่ปรุงจากส่วนประกอบที่แตกต่างกันหลายชนิด เช่น การกินข้าว (กล้อง) กับน้ำพริกปลาทู ร่วมกับผักเคียงชนิดต่างๆ มีคนเคยกล่าวไว้ว่าเพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วน ใน ๑ วันเราควรกินอาหารชนิดต่างๆ รวมกันแล้ว ไม่น้อยกว่า ๒๐ ชนิด นอกจากนี้ การไม่กินซ้ำซากจำเจ ยังเป็นการป้องกันสารพิษที่อาจปนเปื้อนมากับอาหารซ้ำๆ นั้นมากเกินไปโดยที่เราไม่รู้ตัวด้วย

-เน้นการกินธัญพืชทั้งเมล็ดที่ไม่ผ่านการขัดสี ผัก และผลไม้ให้มาก
หลักฐานการวิจัยในช่วงกว่าสิบปีที่ผ่านมาชี้ให้เห็น ว่าการกินธัญพืช ผัก และผลไม้มากขึ้น ทำให้โอกาสของการเป็นมะเร็งลดลง เนื่องจากอาหารเหล่านี้มีใยอาหาร (dietary fiber) อยู่มาก ทำให้การขับถ่ายอุจจาระสะดวกขึ้น มีการตกค้างของกากอาหารน้อยลง และยังเปิดโอกาสให้ของเสียและสารพิษต่างๆ ที่อาจปนเปื้อนในลำไส้ใหญ่ถูกขับออกมาด้วย จึงช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
นอกจากนี้ ใยอาหารหลายชนิดที่กระเพาะและลำไส้เล็กของคนเราย่อยไม่ได้นั้น ปรากฏว่าแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่สามารถนำใยอาหารเหล่านี้ไปย่อยเพื่อเป็นอาหารของพวกเขา ซึ่งในระหว่างการย่อยนั้นได้ปลดปล่อยกรดไขมันอิสระที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก หรือที่เรียกว่า volatile free fatty acid ออกมาในลำไส้ใหญ่ ซึ่งกรดไขมันเหล่านี้ช่วยป้องกันการเป็นมะเร็งได้

อาหารจำพวกผัก ผลไม้ ยังเป็นแหล่งที่ดีของเกลือแร่ วิตามินต่างๆ ตลอดจนสารธรรมชาติที่เรียกรวมๆ ได้ว่าสารพฤกษเคมี (phytochemical) ซึ่งมีฤทธิ์ในการป้องกันและต่อต้านมะเร็งอยู่ด้วย ดังนั้น เราทุกคนจึงควรกินผัก ผลไม้ ให้มากขึ้นในทุกมื้ออาหาร หรือกินเป็นอาหารว่างแทนขนมขบเคี้ยว สำหรับธัญพืชควรกินชนิดที่ไม่ผ่านการขัดสีหรือขัดสีแต่น้อย ทั้งนี้เพราะสารพฤกษเคมีและใยอาหารมีอยู่จำนวนมากในส่วนผิวของเมล็ด การขัดสีทำให้สารสำคัญเหล่านั้นสูญหายและถูกทำลายไป

-ระมัดระวังการกินอาหารที่มีไขมันสูง
มีการศึกษาทางระบาดวิทยาพบว่า การกินไขมันในปริมาณสูงมากกว่าร้อยละ ๓๐ ของพลังงานโดยรวม มีความสัมพันธ์กับการเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งตับอ่อน มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งต่อมลูกหมาก
การกินอาหารที่มีไขมันต่ำ จึงเป็นปัจจัยที่สำคัญ ในการป้องกันมะเร็ง นอกจากนี้ อาหารที่มีไขมันแล้วเกิดการหืนขึ้นก็ควรหลีกเลี่ยง เพราะจะเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง

-อาหารรสเค็มจัดมีผลต่อความดันเลือด ไต และต่อมะเร็ง
มีการศึกษาพบว่าการกินอาหารรสเค็มจัดมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคมะเร็งในกระเพาะด้วย อาหารรสเค็มๆ ทั้งหลายเหล่านี้ ยังหมายถึงอาหารประเภทดองเค็มต่างๆ ด้วย ดังนั้น การกินอาหารรสจืดลงหรือปรุงแต่งแต่พอเหมาะ ก็เป็นแนวทางในการป้องกันมะเร็งด้วย

-น้ำผักและน้ำผลไม้ให้สุขภาพที่ดี
เครื่องดื่มประเภทน้ำผักผลไม้ เป็นเครื่องดื่มที่ควร ส่งเสริมให้ดื่มเป็นประจำ ส่วนเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เช่น เหล้าและเบียร์ หากดื่มในปริมาณสูงเป็นประจำ มีการศึกษาพบว่า มีส่วนสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งของระบบทางเดินอาหารส่วนต้นและมะเร็งตับ

-ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
การใส่ใจดูแลน้ำหนักของตนเองบ้างก็จะเป็นแนวทางสำคัญอีกประการหนึ่งในการป้องกันมะเร็ง เนื่องจากคนที่มีน้ำหนักตัวเกินมักเสี่ยงกับการเกิดโรคต่างๆ รวมถึงการเป็นมะเร็งมากกว่าคนปกติ การศึกษายังพบว่าผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินมีความสัมพันธ์กับการเป็นมะเร็งเต้านม และมะเร็งในถุงน้ำดี
การกินอาหารพอเหมาะไม่มากเกินไปจนเกิดภาวะ อ้วน และการหมั่นออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา จะช่วย ให้น้ำหนักตัวพอเหมาะและร่างกายแข็งแรงกระฉับ-กระเฉง

หลีกเลี่ยงอาหารที่อาจเป็นสาเหตุของการก่อมะเร็ง
นอกจากแนวทางการกินเพื่อป้องกันการเกิดมะเร็ง แล้ว การงดเว้นหรือหลีกเลี่ยงอาหารบางจำพวกก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กันในการป้องกันการเกิดมะเร็ง

-หลีกเลี่ยงอาหารทอดหรือปิ้งย่างที่ไหม้เกรียม
เนื่องจากส่วนที่ไหม้เกรียมจะมีสารก่อมะเร็งจำพวกโพลีไซคลิกอะโรเมติกไฮโดรคาร์บอน (polycyclic aromatic hydrocarbon) หรือที่เรียกกันย่อๆ ว่า พีเอเอช (PAH) ปัจจุบันเราเริ่มเห็นว่าพ่อค้าแม่ค้าที่ขายหมูย่าง ไก่ย่าง หมูสะเต๊ะ จะเอากรรไกรตัดส่วนที่ไหม้เกรียมของอาหารดังกล่าวทิ้ง ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่ดี

-เชื้อรา-อะฟลาทอกซิน
หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่ขึ้นราง่าย เช่น ถั่วลิสง ที่ปรุงในก๋วยเตี๋ยว ซึ่งมักจะขึ้นราได้ง่าย ในเชื้อราที่มีสารอะฟลาทอกซิน ซึ่งทำให้เกิดโรคมะเร็งของตับได้

-หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ที่มีสีแดง ดูน่ากิน
เนื้อแดงที่มีสีสดมากๆ พึงระวังให้ดี อาจมีการเติมดินประสิวที่เป็นสารเร่งเนื้อแดง การกินสารปนเปื้อน ดินประสิวเข้าไปบ่อยๆ อาจจะไปรวมกับสารอาหารบางอย่างในอาหารอื่นๆ แล้วก่อให้เกิดสารจำพวก ไนโตรซามีน ซึ่งก่อให้เกิดมะเร็งของตับและสมองได้

-หลีกเลี่ยงอาหาร ขนม ลูกกวาดที่มีสีสด
ในขนมหวาน อาหารที่มีสีฉูดฉาด อาจไม่ได้ใช้สีผสมอาหาร แต่ใช้สีผิดประเภท เช่น สีย้อมผ้า ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งได้

-หลีกเลี่ยงสารพิษจากยาฆ่าแมลง
ควรล้างผัก ผลไม้ต่างๆ ให้สะอาดทุกครั้ง โดยการ ล้างน้ำอย่างน้อย ๒-๓ ครั้ง และครั้งสุดท้ายควรล้าง แบบให้น้ำไหลผ่าน หรือหันมาบริโภคพืชผักอินทรีย์ เพราะยาฆ่าแมลงหลายชนิดเป็นสารก่อมะเร็งในร่างกาย ทำให้เกิดมะเร็งของกระเพาะอาหาร มะเร็งของตับและ ไตได้
การหลีกเลี่ยงอาหารดังกล่าวข้างต้นจะช่วยให้เราได้รับสารที่อาจก่อมะเร็งเข้าสู่ร่างกายน้อยลง ซึ่งเท่ากับช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งนั่นเอง อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เราจะรู้จักกินและรู้จักเลี่ยงอาหารได้อย่างดีแล้ว แต่ถ้าเรายังมีพฤติกรรมการสูบบุหรี่ หรือดื่มสุราเป็นประจำ ก็ยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งอยู่นั่นเอง

โรคมะเร็งอาจอยู่ใกล้ตัวของเรามาก แต่ก็สามารถป้องกันได้ไม่ยาก โดยการรักษาสุขภาพ ร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ กินอาหาร ที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายพอสมควร พักผ่อนให้เพียงพอ และพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะทำให้เกิดมะเร็งต่างๆ ด้วย


ที่มา
http://www.doctor.or.th/node/1774

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น