วันจันทร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2553

มะเร็งปากมดลูก - Cancer of Cervix

มะเร็งปากมดลูก - Cancer of Cervix


เป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในหญิงไทย พบมากใน ช่วงอายุ 35 - 50 ปี “มะเร็งปากมดลูก” เป็นโรคที่ป้องกันได้ สามารถตรวจหา “ระยะก่อนเป็นมะเร็งปากมดลูก” ได้ทั้งๆที่ยังไม่มีอาการ และสามารถป้องกันได้

ภาวะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูก
1. สตรีที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย ( ต่ำกว่า 18 ปี )
2. มีคู่นอนหลายคน สำส่อนทางเพศ
3. มีประวัติเป็นโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์
4. มีโรคเรื้อรังหรือโรคที่ทำให้ภูมิต้านทานต่ำ เช่น โรคเอดส์
5. เคยมีความผิดปกติของปากมดลูก จากการตรวจภายในและทำ Pap Smear วิธีการที่ใช้ตรวจหา “ระยะก่อนเป็นมะเร็งปากมดลูก” เรียกว่า การตรวจ Pap Smear “Pap Smear” คือการเก็บเอาเซลล์เยื่อบุปาก
มดลูก ที่ลอกหลุด ออกมาแล้วนำไปตรวจหา เซลล์มะเร็ง


สัญญาณเตือนภัย
* ในระยะเริ่มแรกอาจไม่มีอาการเลยหรืออาจมีเลือดออกจาก ช่องคลอดเวลา มีเพศสัมพันธ์
* ประจำเดือนมาผิดปกติ
* ตกขาวมีกลิ่น ปริมาณมาก สีผิดปกติ หรืออาจปนเลือด

การป้องกัน
1. ตรวจภายในทุก 1 - 3 ปี
2. ไม่สูบบุหรี่
3. ใช้ถุงยางอนามัยเวลามีเพศสัมพันธ์เพื่อหลีกเลี่ยงโรคติดเชื้อทาง เพศสัมพันธ์
4. ไปพบแพทย์ หากมีตกขาวผิดปกติหรือมีเลือดออกผิดปกติจาก ช่องคลอด
5. สตรีที่มีเพศสัมพันธ์ทุกคน ควรได้รับการตรวจ “Pap Smear”เพื่อเช็คหามะเร็งปากมดลูก อย่างน้อย ปีละครั้ง

ปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งปากมดลูก
เซลล์บุผิวของปากมดลูกที่ผิดปกติแต่ยังไม่ถึงกับเป็นมะเร็ง นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเซลล์เหล่านี้จะเปลี่ยนเป็นมะเร็งภายหลังเราเรียกว่า precancerous บางครั้งแพทย์อาจจะใช้คำ squamous intraepithelial
lesion [SIL] ซึ่งพบได้ 2 แบบ

1. Low-grade SIL หมายถึงการเปลี่ยนแปลงเริ่มแรกของ รูปร่าง ขนาด และจำนวน บางครั้งอาจหายไปเอง แต่ก็มีจำนวนหนึ่งเปลี่ยนไปเป็น High-grade SIL บางครั้งเรียก mild dysplasia
2. High-grade SILหมายถึงการเปลี่ยนแปลงของเซลล์เยื่อบุมดลูกที่เปลี่ยนไปจากเดิมชัดเจน ถ้าเซลล์อยู่
เฉพาะปาดมดลูกเรียก moderate or severe dysplasia

การตรวจมะเร็งแรกเริ่ม
การวินิจฉัยมะเร็งปากมดลูกแรกเริ่มโดยมากมาจากการตรวจปากมดลูกประจำปี ในการตรวจภายในแพทย์
จะตรวจ มดลูก ช่องคลอด ท่อรังไข่ รังไข่ หลังจากนั้นแพทย์จะใช้อุปกรณืถ่างช่องคลอดเพื่อทำ pap smear ช่วงที่เหมาะสมในการตรวจภายในคือ10-20 วันหลังประจำเดือนวันแรก และก่อนการตรวจ 2 วันไม่ควรสวนล้าง ยาฆ่า sperm หรือยาสอด ปัจจุบันการรายผลจะใช้ Low หรื High grade SIL มากกว่า
class1-5 แต่อย่างไรก็ตามควรให้แพทย์อธิบายผลให้ฟังอย่างละเอียด ผู้หญิงวัยเจริญพันธ์ตั้งแต่อายุ 18 ปี
ขึ้นไปควรตรวจภายในประจำปี

อาการของมะเร็งปากมดลูก
มะเร็งปากมดลูกในระยะเริ่มแรกจะไม่มีอาการอะไร แต่เมื่อเป็นมะเร็งแล้วจะมีอาการเลือดออก หลังจากการตรวจภายในหรือหลังร่วมเพศ

การวินิจฉัย
จากการทำ pap test ทำให้ทราบว่ามีเซลล์ผิดปกติที่ปากมดลูกแพทย์จะทำการตรวจ Colposcopy
โดยการส่องกล้องแล้วเอา iodine ป้ายบริเวณปากมดลูก เซลล์ปกติจะเป็นสีน้ำตาล ส่วนเซลล์ผิดปกติจะ
เป็นสีขาวหลังจากนั้นแพทย์จะเอาชิ้นเนื้อปากมดลูกไปตรวจซึ่งมีวิธีตรวจต่างๆตามแต่แพทย์จะเห็นสมควร

การรักษา precancerous
การรักษาขึ้นกับปัจจัยหลายประการได้แก่ ลักษณะ precancerous ว่าเป็น low หรือ high-SIL ผู้ป่วย
มีบุตรพอหรือยัง สุขภาพผู้ป่วย ความต้องการของผู้ป่วยและแพทย์ โดยทั่วไม่ low-grade SIL ไม่จำเป็น
ต้องรักษาโดยเฉพาะรายที่ได้รับการตัดชิ้นเนื้อจนหมดผู้ป่วยควรได้รับการตรวจประจำปี ถ้าจำเป็นต้องรักษาแพทย์อาจเลือกวิธีรักษาได้หลายวิธีคือ การใช้ความเย็น (cryosurgery)ใช้ไฟจี้ ( cauterization) ใช้ laser

การรักษามะเร็งปากมดลูก
หลังจากทราบว่าเป็นมะเร็งแพทย์จะตรวจต่อเพื่อตรวจว่าโรคมีการแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นหรือยัง
โดยแพทย์จะ
- ตรวจเจาะเลือดตรวจเลือดทั่วไป( CBC )เพื่อดูว่าซีดหรือไม่ เกร็ดเลือดปกติหรือไม่
- ตรวจการทำงานของไต (BUN ,CREATININ) เนื่องจากมะเร็งปากมดลูกอาจแพร่กระจายอุดทางเดินของปัสสาวะทำให้ไตวาย
- ตรวจตับ (LFT)เนื่องจากมะเร็งมักจะแพร่กระจายไปยังตับ
- แพทย์จะส่องตรวจกระเพาะปัสสาวะ cystoscopy ,
- ตรวจลำไส้ใหญ่ (proctosigmoidoscopy) โดยใช้อุปกรณ์ส่องเข้าไปตรวจ
- แพทย์จะตรวจสวนสีตรวจลำไส้ใหญ่ barium enema เพื่อตรวจว่ามะเร็งแพร่ไปลำไส้ใหญ่หรือยัง
- แพทย์จะฉีดสีเพื่อตรวจไต {intravenous pyelogram,IVP }เพื่อตรวจว่ามะเณ้งแพร่กระจายไปยัง
ต่อไตหรือยัง
- ตรวจ computer x-ray,ultrasound เพื่อตรวจอวัยวะอื่นดูการแพร่กระจายของมะเร็ง

ก่อนการรักษาใดๆผู้ป่วยควรได้รับข้อมูลเพื่อปรกอบการตัดสินใจดังตัวอย่างมะเร็งที่เป็นอยู่นี้แพร่กระจาย
หรือยัง

วิธีการรักษาที่ดีทีสุด แพทย์เลือกวิธีไหน ทำไมจึงเลือกดูวิธีนี้
- โอกาสจะประสบผลสำเร็จมีมากน้อยเพียงใด
- มีโอกาสเสี่ยงอะไรบ้าง ผลข้างเคียงมีอะไรบ้าง
- ใช้เวลารักษานานเท่าใด
- ใช้ค่าใช้จ่ายแค่ไหน
- ถ้าไม่รักษาจะเป็นเช่นใด
- จะมีคุณภาพชีวิตเหมือนคนปกติหรือไม่
- ต้องตรวจซ้ำบ่อยแค่ไหน

วิธีการรักษา
การผ่าตัด ถ้ามะเร็งอยู่เฉพาะปากมดลูกอาจจะตัดแค่บริเวณปากมดลูก แต่ถ้ามะเร็งแพร่กระจายมากแพทย์
อาจจะตัดมดลูก ท่อรังไข่ รังไข่ รวมทั้งต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียง
การให้รังสีรักษาทำได้ 2 วิธี
- โดยการให้รังสีรักษาจากเครื่องแพทย์จะให้รังสีเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง 5วัน/สัปดาห์เป็นเวลา 5-6 สัปดาห์
- โดยการฝังแร่อาบรังสีบริเวณปากมดลูกฝังแต่ละครั้งนาน 1-3 วันต้องอยู่โรงพยาบาลใช้เวลารักษา
1-2 สัปดาห์
การให้เคมีบำบัด โดยการให้เคมีเข้าในเลือดเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง
การสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อให้ภูมิคุ้มกันทำลายมะเร็ง ยาที่ใช้บ่อยคือ interferon

ผลข้างเคียงของการรักษา
- การผ่าตัด หลังการผ่าตัดมักจะมีอาการปวด เลือดออก
- ถ้าต้องตัดมดลูกผู้ป่วยอาจจะปัสสาวะและอุจาระลำบากต้องคาสายสวนปัสสาวะไว้ระยะหนึ่ง
- ผู้ป่วยควรพักระยะหนึ่งเพื่อให้แผลหาย จะมีเพศสัมพันธ์หลังผ่า 4-8 สัปดาห์
- ผู้ป่วยที่ตัดมดลูกยังคงมีอารมณ์ทางเพศปกติแต่อาจมีปัญหาทางจิตใจกังวลว่าไม่สามารถมีบุตรได้คู่ครองควรที่จะช่วยกันปลอบใจและให้กำลังใจ

การให้รังสีรักษา
ระหว่างการให้รังสีรักษาผู้ป่วยจะเพลีย ไม่มีแรง เบื่ออาหาร ผมร่วง ผิวบริเวณที่สัมผัสรังสีจะมีสีน้ำตาล ห้ามทาโลชั่น อาการต่างๆจะหายไปหลังหยุดการรักษา การร่วมเพศอาจจะลำบากเนื่องจากช่องคลอดจะแคบและแห้งต้องใช้ครีมหล่อลื่นช่วย นอกจากนี้อาจมีปัญหาเรื่องปัสสาวะและถ่ายเหลว

การให้เคมีบำบัด
จะฆ่าเซลล์ที่แบ่งตัวเร็ว ซีด เม็ดเลือดขาวต่ำ เกร็ดเลือดต่ำทำให้เหนื่อยง่าย ติดเชื้อง่าย และเลือดออกง่าย ผมร่วง เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน เป็นหมัน

การสร้างภูมิคุ้มกัน
ผลข้างเคียงมีไม่มาก มีอาการคล้ายไข้หวัด ปวดตามตัว คลื่นไส้อาเจียน ท้องร่วง

การป้องกัน
สาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัดแต่พบว่ามีหลายปัจจัยเป็นความเสี่ยง
- การมีเพศสัมพันธ์ก่อนอายุ 18 ปีและการมีสำส่อนทางเพศ เชื่อว่าเกิดจากเชื้อไวรัส human papillomaviruses
- การสูบบุหรี่
- การได้รับยาคุมกำเนิด diethylstilbestrol ระหว่างตั้งครรภ์
- ภูมิคุ้มกันบกพร่อง
-การได้รับวิตามิน A ป้องกันมะเร็งได้แต่ต้องศึกษาเพิ่มเติม

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะมีส่วนช่วยให้ท่านเข้าใจและสามารถสอบถามข้อมูลที่จำเป็นในการตัด
สินใจรักษา

ลองมาติดตามปัญหาที่มักพบได้บ่อยจากเหตุการณ์จากผู้ป่วยรายหนึ่งในรายๆหลายที่คล้ายๆกัน

เธออายุเพียง 30 ปีมีบุตรมาแล้ว 1 คน กับสามีคนก่อน ซึ่งเลิกรากันไป และแต่งงานใหม่เมื่อ 5 ปีมานี้เอง
และมีบุตรกับสามีใหม่ อายุเพียง 2 ปี 5 ปีมานี้เองเธอทำงานหนักทั้งงานในหน้าที่ และแม่บ้าน จนลืมดูแล
ตัวเอง ในปีแรกที่แต่งงานและหลังมีการคลอดบุตร เธอไปตรวจร่างกายรวมทั้งตรวจภายในตามที่แนะนำ
แพทย์ก็พบเพียงแต่ว่า เธอมีการอักเสบที่ปากมดลูกและแนะนำให้มาตรวจมะเร็งซ้ำในอีก 2 เดือน แต่เธอ
เฉยไม่ทำตามเพราะไม่มีอาการอะไร เธอคิดว่าจะต้องเสียเงิน ทองเสียเวลาทำไมกับการตรวจเช็กอัพมะเร็ง
เพราะเธอ ตรวจมาหลายปีไม่เห็นจะมีอะไรผิดปกติ อาการหรือก็ไม่มี

จนเมื่อครึ่งปีมานี้เธอเริ่มรู้สึกมีตกขาวมากผิดปกติ เป็นๆ หายๆ ก็คิดว่าสามีนำโรคมาให้ เธอก็ซื้อยามาทาน
เองบ้าง ใช้ยาสอดบ้าง ยาสวนล้างบ้างแล้วแต่ว่าเธอจะไปปรึกษาผู้ใด อาการผิดปกติก็ดูจะเป็นๆ หายๆ
ช่วงระยะหลังๆ นี้ดูจะเป็นมากกว่าหายไป และเริ่มมีเลือดออกผิดปกติ โดยเฉพาะหลังมีเพศสัมพันธ์
เธอลังเลอยู่นาน จนเธอตัดสินใจได้ในวันที่เธอเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ที่เธอนั่งเกิดชน และศีรษะเธอกระแทก
อย่างรุนแรง เธอต้องเข้ามารับการตรวจที่โรงพยาบาล เลยถือเป็นโอกาสได้ตรวจภายในก็พบว่า เธอมีติ่งเนื้อผิดปกติที่รูปากมดลูก ยื่นออกมาขนาดไม่ใหญ่มากนัก แพทย์ได้ตัดชิ้นเนื้อเพื่อส่งตรวจทางพยาธิ

ซึ่งในกรณีเช่นเธอผู้นี้ ถ้ามีความผิดปกติให้เห็นแล้ว การตรวจค้นหามะเร็งปากมดลูกที่เรียกว่า "แป๊ปสเมียร์"
ก็ไม่จำเป็น ติ่งเนื้อที่ยื่นออกมาผิดปกตินั้นแพทย์เฉพาะทางที่ตรวจภายในพบว่า มีลักษณะของเนื้อร้ายหรือ
มะเร็งเพศแตะต้องเส้นเลือดฉีกขาดง่าย และพื้นผิวก้อนเนื้องอกค่อนข้างขรุขระทำให้เธอมีตกขาวเป็นๆ
หายๆ มาตลอด และการที่เส้นเลือดฉีกขาดง่ายทำให้มีเลือดออกผิดปกติเป็นระยะ โดยเฉพาะเมื่อถูกกระทบ
กระเทือนจากการมีเพศสัมพันธ์

แม้จะเห็นชัดเจนถึงลักษณะของเนื้อร้ายหรือมะเร็งก็ตาม แต่แพทย์ก็ต้องตัดชิ้นเนื้อไปพิสูจน์ทางพยาธิวิทยา คือ ไปทำให้แห้ง ตามขบวนการพิเศษแล้วย้อมสีพิเศษ เพื่อนำไปส่องด้วยกล้องขยาย 400 เท่า หรือมากกว่า เพื่อหาเซลล์มะเร็งและให้ทราบชนิดของมะเร็ง

บางครั้ง ซึ่งน่าจะเป็นบ่อยครั้งที่ต้องย้อมพิเศษเพื่อแยกแยะประเภท เพราะต้องศึกษาถึงรายละเอียดของ
เซลล์มะเร็งว่า น่าจะมีความร้ายแรงอย่างไร มะเร็งก็เหมือนมนุษย์เกรดมีหลายระดับ ตั้งแต่ระดับอันธพาลชี้นกระจอก ที่ชาวบ้านเรียก พวกตีหัวหมา ด่าแม่เจ๊ก พวกลักเล็กขโมยน้อย จนพวกจี้ปล้นชิงทรัพย์ชั้นอันธพาลพวกฆาตกร

แต่ทางพยาธิวิทยา ก็จะแบ่งเป็นเกรดได้ 3 เกรดกว้างๆ ด้วยสายตา แต่ทางการแพทย์ยังมีการแยกแยะพวก
เนื้อร้าย หรือมะเร็งตามเกณฑ์อื่นๆ อีกหลายระบบ สลับซับซ้อนอีกหลายระบบ ของเธอผู้นี้ผลชิ้นเนื้อในอีก
1 สัปดาห์ต่อมา ปรากฏว่าเป็นชนิดฆาตกร คือ เกรดสุดท้าย

เธอมาพบแพทย์ตามนัดด้วยหน้าตาที่ซึมเศร้า เมื่อได้พบแพทย์ เธอถามก่อนว่า เป็นมะเร็งใช้ไหม ?
ซึ่งเมื่อรับทราบ เธอถึงกับร้องไห้น่าสงสาร ซึ่งเป็นภาพที่แพทย์โดยเฉพาะแพทย์ในหน่วยงาน ซึ่งดูแล
มะเร็งนรีเวชพบได้ประจำ ซึ่งเป็นกลไกทางจิตใจของผู้ป่วยมะเร็ง ซึ่งทางแพทย์เรามีขั้นตอนในการดูแล
อาการดังกล่าวอยู่แล้ว โดยทีมปรึกษาแนะนำหรือ คาน์เซลลิง (Counseling Team) ซึ่งนับว่าสำคัญ
มาก เพราะมิฉะนั้นผู้ป่วยจะหนีการรักษา ซึ่งมีขั้นตอนมาก และต้องการการร่วมมือระหว่างแพทย์ และ
ผู้ป่วยรวมทั้งญาติสูงมาก

ที่การรักษามะเร็งในประเทศไทยมีปัญหาคนไข้หนีการรักษา ขาดการรักษา เพราะขาดทีมงานดังกล่าวที่จะ
คอยให้กำลังใจ ให้ข้อมูลความถูกต้องแก่ผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยถูกขบวนการต่างๆ ทั้งที่มุ่งร้ายหรือบางขบวน
การบางองค์กร บางกลุ่มคนที่รู้เท่าไม่ถึงการ ชักจูงให้ไขว้เขวในการรักษา เช่น พวกน้ำปั่นน้ำพืชผักก็ดี
พวกเลือดสัตว์ น้ำหมาก น้ำมนต์สารพัดที่จะแอบอ้าง ทำให้ผู้ป่วยเสียโอกาส ในการที่จะได้รับการรักษา
มาตรฐานทำให้กระทบต่อผลการรักษาที่จะได้รับ พลาดโอกาสที่จะหายจากโรคหรือมีคุณภาพชีวิตที่ดี
ต่อไป คำถามที่จะได้ ้จากผู้ป่วยมะเร็งร้ายก็คือ เป็นโรคนี้ได้อย่างไร ? ไม่เห็นมีอาการผิดปกติของอาการ
โรคมะเร็งที่ต้องผอมแห้งแรงน้อย หน้าตาซูบซีดและคำถามว่าเป็นนานเท่าไร ?

มะเร็งไม่ใช่โรคติดเชื้อแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โรคติดเชื้อจะมีระยะฟักตัวสั้นหากได้เชื้อจุลินทรีย์เช่น
ไวรัสหวัด เพียง 24 ชั่วโมงหรือสั้นกว่าก็ออกอาการมีไข้น้ำมูกไหล หรือโรคท้องร่วงหลังรับเชื้อโรค
เข้าสู่ร่างกายอาจจะ 6 ชั่วโมง ก็มีอาการถ่ายเหลวได้ แต่มะเร็งนั้นต้องอาศัยระยะเวลานาน โดยเฉพาะ
ปากมดลูก อาจจะ 5-7 ปีกว่าจะกลายเป็นมะเร็ง แต่ในรายของเธอผู้นี้เป็นมะเร็งของปากมดลูกที่พบได้
ประมาณ 5% ซึ่งเป็นชนิดที่กลายมาจากต่อมเมือกในโพรงของมดลูก ซึ่งอยู่ในโพรง ค่อนข้างลึก
จึงทำให้การตรวจคัดกรองต้องกระทำให้ถูกต้อง และครอบคลุมถึงกรอบกับเป็นมะเร็งที่มีการกลายได้เร็ว
ทำให้การตรวจครั้งสุดท้าย เพียง 3 ปี ก็สามารถจะกลายเป็นมะเร็งปากมดลูกไป
และมะเร็งชนิดนี้ความรุนแรงเปรียบได้กับพวกระดับอาชญากร กล่าวคือจะลุกลามแทรกซึมได้รวดเร็ว
เพียงสามปีที่ไม่ได้ตรวจค้นหามะเร็ง ก็พบว่าเริ่มลุกลามออกจากคอมดลูก

มะเร็งที่กลายมาจากต่อมเมือกของปากมดลูก เป็นมะเร็งที่ตรวจค้นหาค่อนข้างยุ่งยากและมักจะเป็นในกลุ่ม
สตรีที่อายุค่อนข้างน้อย โดยเฉลี่ยมะเร็งปากมดลูก จะพบในช่วงอายุ 50-55 ปี แต่ในกลุ่มมะเร็งจากต่อม
เมือกนี้ จะพบในอายุสามสิบและพบในสตรีที่ไม่ได้แต่งงาน สาเหตุของการเกิดมะเร็งชนิดนี้ยังไม่ทราบ
ซึ่งต่างจากมะเร็งปากมดลูกที่กลายมาจากเซลล์บุพื้นผิว ที่มีความเกี่ยวพันกับการติดเชื้อไวรัสหูดหงอนไก่

จนปัจจุบันเชื่อว่า มะเร็งปากมดลูกชนิดผื่นผิวเป็นโรคทางเพศสัมพันธ์ ด้วยความที่ไม่ทราบถึงมะเร็งที่เกิดจากที่มาของการเกิดมะเร็งชนิดต่อมเมือก ทำให้ไม่สามารถระบุถึง กลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งดังกล่าว จึงมีข้อแนะนำว่า สตรีอายุเกิน 18 ปี หรือเมื่อมีเพศสัมพันธ์ควรจะได้รับ การตรวจภายใน กับสูติ-นรีแพทย์ เพื่อจะได้หลีกหนีจากโรคร้ายดังเธอผู้นี้ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างเข้ารับการรักษาด้วยรังสีรักษา ขอให้เธอจงต่อสู้กับโรคนี้อย่างเชื่อมั่นโดยมีทีมแพทย์และพยาบาลยืนเคียงข้างเธอ แล้วชัยชนะจะเป็นของเธอ





ที่มา
http://www.thailabonline.com/sec7cacervix.htm

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น