วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2553

สมาธิบำบัดกับการรักษาโรคมะเร็ง (1)

สมาธิบำบัดกับการรักษาโรคมะเร็ง
ปาฐกถาธรรมและบรรยาย ณ กรมชลประทาน สามเสน กทม. 25 พฤษภาคม 2549
โดย 1. พระปพนพัชร์ จิรธัมโม วัดคำประมง จ. สกลนคร
2. นพ.ศิริโรจน์ กิตติสารพงษ์ รพ.รักษ์สกล จ. สกลนคร
3. ผศ.นพ.พรเลิศ ฉัตรแก้ว รพ.จุฬา กทม.

คณะอนุกรรมการสวัสดิการการส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรม กรมชลประทาน ยินดีต้อนรับท่านผู้มีเกียรติและใฝ่ในธรรมทุกท่าน ขอขอบคุณท่านรองอธิบดีกรมชลประทาน (นายละเอียด สายน้ำเขียว) ที่ให้เกียรติมาเป็นประธานในวันนี้ กิจกรรมการฟังธรรมเพื่อพัฒนาจิตของข้าราชการและลูกจ้างประจำนั้น โดยปกติจะจัดทุกวันพฤหัสบดีที่ 4 ของทุกเดือน โดยมีหน่วยงานระดับสำนักและกองต่างๆหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพ ซึ่งในวันนี้มีสำนักชลประทานที่ 7 (อุบลราชธานี) สำนักชลประทานที่ 8 (นครราชสีมา) กองแผนงานและสำนักจัดรูปที่ดินกลางเป็นเจ้าภาพ โดยได้อาราธนานิมนต์พระอาจารย์ปพนพัชร์ จิรธัมโม เจ้าอาวาสวัดคำประมง อำเภอพรรณนานิคม จังหวัดสกลนคร เป็นองค์บรรยายธรรม และ ได้รับเกียรติจาก ผศ.นพ.พรเลิศ ฉัตรแก้ว ภาควิชาวิสัญญีวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และ นพ.ศิริโรจน์ กิตติสารพงษ์ รองผู้อำนายการโรงพยาบาลรักษ์สกล จังหวัดสกลนคร เป็นวิทยากรผู้บรรยายร่วม เรื่อง “สมาธิบำบัดกับการรักษาโรคมะเร็ง” ในโอกาสนี้ผมขอเรียนเชิญท่านประธาน รองอธิบดีกรมชลประทาน (นายละเอียด สายน้ำเขียว) เป็นผู้จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ขอนิมนต์หลวงตาปพนพัชร์และเรียนเชิญนายแพทย์ทั้ง 2 ท่าน ขึ้นบนเวทีแสดงธรรมบรรยายครับ

นพ.ศิริโรจน์: เรียนท่านรองอธิบดีกรมชลประทาน และพี่น้องข้าราชการกรมชลประทานทุกท่าน กระผมนายแพทย์ศิริโรจน์ กิตติสารพงษ์ ขอรับไมค์ต่อจากท่านพิธีกร วันนี้เรามาพูดกันเรื่องการดูแลรักษาโรคมะเร็ง โดยหลวงตาปพนพัชร์ จิรธัมโม แห่งวัดคำประมง ก็จะมีบรรยากาศเป็นลักษณะของฝ่ายพระและฝ่ายหมอเข้ามาพูดพร้อมกัน พูดเรื่องโรคมะเร็งรวมไปถึงการดูแลรักษาที่ประกอบด้วยการดูแลรักษาแบบแผนปัจจุบันและการแพทย์ทางเลือกซึ่งเป็นจุดเด่นของในการพูดในวันนี้ ก็คือการรักษามะเร็งโดย อโรคยาศาล ซึ่งหลวงตาปพนพัชร์เป็นผู้ที่ริเริ่มการรักษาแบบผสมผสานระหว่างสมุนไพรบำบัดกับสมาธิบำบัด แต่ก่อนอื่นผมก็จะให้ท่านผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์พรเลิศ ฉัตรแก้ว ซึ่งท่านจะได้มากล่าวถึงเกี่ยวกับโรคมะเร็งก่อนว่าโรคมะเร็งนั้นเป็นอย่างไร ก่อนจะไปถึงเรื่องการบำบัดรักษา ต้องขอเวลาสักเล็กน้อยในการที่จะเกริ่นนำโดย นพ.พรเลิศ ก่อนนะครับ

นพ.พรเลิศ: ขอบคุณครับคุณหมอศิริโรจน์ กราบนมัสการพระคุณเจ้า ท่านรองอธิบดี และท่านผู้สนใจทุกท่านครับ โดยพื้นฐานแล้วก็ไม่ใช่เป็นหมอรักษามะเร็งโดยเฉพาะ แต่ดูคนไข้ที่ไอซียูศัลยกรรม ซึ่งคนจำนวนมากที่เป็นมะเร็งเขาจะมาจบลงที่ไอซียู โรคมะเร็งส่วนใหญ่รักษาโดยการผ่าตัดด้วย นอกจากรักษาโดยการฉายแสงหรือเคมีบำบัดแล้ว ในสิ่งที่จะพูดกันนี่คือต้องการที่จะเชื่อมโยงเฉยๆนะครับกับการแพทย์แผนปัจจุบันแล้วก็เชื่อมโยงไปสู่บางสิ่งบางอย่างซึ่งกำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นจุดแข็งของบ้านเราเลย เพราะว่าที่อื่นไม่มีเหมือน ที่ของเราจะมีวิธีช่วยผู้ป่วยได้อย่างไรบ้าง และสไลด์ก็คงจะมีการแสดงให้เห็นถึงช่องโหว่หรือจุดอ่อนการแพทย์แผนปัจจุบันบางอย่างซึ่งต้องการการดูแลและการเติมเต็ม

สำหรับโรคมะเร็งจริงๆ ถ้าเกิดว่าตัวมะเร็งเองเป็นเนื้องอกก้อนเนื้อ ส่วนใหญ่เป็นก้อนเนื้อ แต่ว่ามีความพิเศษมีความร้ายแรง ซึ่งที่เกิดเนื้องอกธรรมดาจะต้องใช้เวลาเป็นเดือนเป็นปีก่อนที่จะเริ่มโต แต่มะเร็งจะมีการเติบโตรวดเร็วในเวลาเป็นเดือนและพวกนี้จะโตโดยไม่หยุดยั้งครับ พอเจออะไร ถ้าติดกระดูกจะกัดกินเข้าไปในกระดูก ติดเนื้อตับ เนื้อปอด เนื้อสมอง จะลุกลามเข้าไป และมีคุณสมบัติในการที่พอมันหลุดเข้าไปในกระแสเลือดหรือกระแสน้ำเหลืองแล้วนี่มันสามารถไปเพาะเกิดตัวใหม่ขึ้นมาได้ในอวัยวะอื่นๆ ซึ่งจะเห็นว่าบางทีบางคนเริ่มต้นที่จะเป็นมะเร็งลำไส้ ต่อมามันก็ไปเกิดขึ้นที่ตับเพราะตับได้รับเลือดเยอะ หรือว่าไปที่ปอด หรือไปทีสมอง ตรงนี้จะเป็นธรรมชารติของมัน ในมะเร็งมันเกิดจากการกลายของเซลล์ปกติ มีการเปลี่ยนแปลงด้านของโครโมโซม และจากนั้นมีการขยายตัวโดยไม่หยุดยั้ง และก็เป็นเนื้องอกที่ใหญ่ขึ้นๆ อย่างในรูปแรกเป็นลักษณะของเซลล์ปกติที่มันขยายเพิ่มขึ้นมา อย่างเช่นบางทีเราเป็นก้อนเนื้อเป็นหูดหรือเป็นก้อนเนื้อที่มันโตขึ้นมา อย่างนั้นไม่มีอะไร แต่ในเซลล์มะเร็งจะมีลักษณะเด่น คือตัวเซลล์จะผิดปกติไป และจากนั้นจะเริ่มลุกลามเข้ามาในชั้นล่างผ่านชั้นฐานของผิวหนังลงมาเข้ามาในกระแสเลือดไปกระจายสู่ที่ต่างๆได้ ฉะนั้นมะเร็งเป็นคำรวมๆ อย่างบางคนเป็นมะเร็ง แต่ละคนเป็นไม่เหมือนกัน มันขึ้นอยู่กับว่ามันเกิดที่ไหน เกิดตรงบริเวณเต้านม เกิดที่ตับ เกิดที่ลำไส้ อาการจะแตกต่างกันไป เช่นถ้าเกิดมะเร็งลำไส้ ก็เป็นลำไส้อุดตัน ตับก็ตัวเหลืองตาเหลืองอย่างนี้เป็นต้น

ข้อต่อไปมะเร็งไม่ใช่โรคติดต่อ แต่ว่ามะเร็งบางชนิดจะพบได้ในหมู่เครือญาติกันได้ อาจจะเป็นเรื่องของการถ่ายทอดทางพันธุกรรมก็ได้ ส่วนการรักษาก็จะมีเหตุผลอยู่หลายด้าน ในหลักใหญ่ของการแพทย์เราต้องการยืดชีวิตคนไข้ ถ้าเราเกิดรักษาให้หายได้ก็จะไม่ตายหรือให้ตายช้าลง เรื่องของคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจะทำได้ 2 ทาง คือ 1. ต้องกำจัดมัน 2. คือการประคับประคองให้ผู้ป่วยมะเร็งมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร การที่จะกำจัดมันก็คือเรื่องการเพิ่มเวลาจะให้มีชีวิตอยู่ ทำให้โรคหายไปอย่างเช่น คนไข้มะเร็งลำไส้ใหญ่ ถ้าเกิดไม่ผ่าตัด มะเร็งลำไส้ใหญ่ในหนึ่งปี อาจจะเสียชีวิตเกือบหมดหรือเกิน 50% แต่ถ้าผ่าตัดมาอาจเสียชีวิตน้อยกว่านั้น อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ 3 ปี อาจช่วยลดปัญหาข้างเคียง เช่น การผ่าตัดไม่ใช่เพื่อรักษาเพียงแต่ทำให้เขากินได้อีกครั้งหนึ่งหรือว่าขับถ่ายปกติอย่างนี้ได้เป็นต้น ส่วนระบบในการรักษาแนวทางประคับประคอง คือการดูแลชีวิตเขาที่ทำให้เขามีอาการลดลง เช่นสมมุติว่าก้อนเนื้อนี้มันผ่าตัดไม่ได้แล้ว แต่ว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดความเจ็บปวดไม่ให้ทุกข์ทรมาน เรื่องของการที่อุดตันมีอะไรที่พอจะช่วยได้ไหมทำให้พอที่จะอยู่ได้ต่อไป แนวทางรักษาคร่าวๆ ถ้าเราเคยรู้จักบางคนเป็นก้อนเนื้อ หมอก็จะดูว่าก้อนเนื้อที่ยังไม่ลุกลามไปมากและอยู่ที่เดียวโดดๆอย่างนี้เหมาะสมที่จะผ่าตัด มะเร็งบางชนิดมะเร็งบางอย่างมันผ่าตัดไม่ได้ ซึ่งอยู่ลึก อยู่ที่สมอง ถ้าตัดไปเนื้อสมองส่วนที่ดีจะหายไป แต่จะมีส่วนที่ทำได้คือการฉายแสง มะเร็งบางอย่างมันอยู่ที่อวัยวะสำคัญ เช่นในลำคอ หากตัดไปมันอาจจะสูญเสียการทำงานได้เยอะ คุณก็ต้องมีการฉายแสงประกอบด้วย ส่วนเรื่องเคมีบำบัดก็เหมือนกัน เนื่องจากมะเร็งมันเป็นเซลล์ที่ค่อนข้างเติบโตเร็วและหิวโหย มีกระบวนการเร็วมาก มีจุดอ่อนให้ยาบางตัวเข้าไปฆ่ามันได้ ตัวยาเคมีพวกนี้ก็ทำลายเซลล์ปกติด้วย จะเห็นว่าบางคนให้เคโมแล้ว นอกจากมะเร็งจะถูกทำลาย คนอาจจะแย่ลง ดูโทรมกินไม่ได้ ผมร่วงอะไรต่างๆนานา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น