วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553

สู้ไม่ถอยกับมะเร็งปอด( มะเร็งปอด)

สู้ไม่ถอยกับมะเร็งปอด( มะเร็งปอด)
โดย สมพร หมู่มิ่ง

คงปฏิเสธไม่ได้ว่า"มะเร็ง" คือโรคร้ายที่ทุกคนกลัว ไม่อยากประสบพบเจอ และไม่อยาก.........แม้แต่จะนึกถึง ทุกวันนี้แทบทุกคนมีผู้คนรอบข้างป่วยด้วยโรคนี้แทบทั้งสิ้น แม้การแพทย์แผนปัจจุบันจะสามารถควบคุมรักษา และเยียวยาผู้ป่วยได้ดีขึ้น แต่ผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งก็กลับเพิ่มมากขึ้นไปด้วยเช่นกัน

ผู้ป่วยมะเร็งส่วนใหญ่จะผ่านพ้นการรักษาด้วยรูปแบบต่างๆ บางครั้งต้องทรมานแสนสาหัส เจ็บเจียนตาย แต่เมื่อหายแล้วก็ไม่อยากกลับมาเป็นซ้ำอีก ทุกคนรู้ดีว่า มะเร็ง มักไม่ให้โอกาสกับคนที่กลับมาเป็นซ้ำสอง

ดิฉันเป็นอดีตข้าราชการกระทรวงการคลัง จบการศึกษาด้านบัญชีจากมหาวิทยาลัยแถวหน้าของประเทศ เป็นผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่ผ่านการเป็นมะเร็งปอด แม้จะดูเป็นโรคที่รักษายาก ไม่รู้อนาคตข้างหน้า แต่ดิฉันก็พร้อมยืนหยัดต่อสู้กับสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต

เมื่อ 5 ปีก่อน ร่างกายก็ปกติแทบทุกอย่าง แต่พอดีบ้านดิฉันอยู่ใกล้โรงพยาบาล เลยลองไปตรวจร่างกายดู เมื่อเอ็กซเรย์ปอดพบว่าเป็นจุด ก็เลยไปตรวจละเอียดจึงพบว่าเป็นก้อนเล็กๆ ที่ปอดด้านขวา หลังจากนั้นก็ได้ทราบว่าเป็นเนื้อร้าย จึงเข้าสู่กระบวนการรักษาด้วยการตัดชายปอดออกไปส่วนหนึ่งราว 20% ทำคีโมอีก 4 ครั้ง และฉายแสงอีกหลายครั้ง ด้วยวัยประมาณ 72 ในตอนนั้น ก็แทบไม่น่าเชื่อว่า ดิฉันจะผ่านพ้นช่วงวิกฤตสุขภาพจนได้มานั่งเล่าประสบการณ์ให้ทุกคนฟังได้อย่างวันนี้

หลังจากรักษาได้พยายามบำรุงร่างกายให้กลับมาเป็นปกติดังเดิม ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นผัก ปลา และเข้าครัวปรุงอาหารด้วยตัวเอง เพื่อให้มั่นใจว่าใหม่ สด สะอาด และทำมาเองโดยตลอดจนถึงทุกวันนี้ ส่วนอาหารประเภทเนื้อสัตว์อื่น เช่น เนื้อหมู อาหารทะเล ก็รับประทานบ้างแต่ไม่มากนัก

นอกจากนั้นเพื่อเสริมความแข็งแรงและฟื้นฟูร่างกาย ดิฉันได้เลือกใช้ยาน้ำเทียนเซียน หลังจากมีแพทย์ของโรงพยาบาลรัฐบาลชื่อดังแห่งหนึ่งได้แนะนำ ทำให้ดิฉันใช้มาตลอดเป็นเวลาเกือบ 5 ปีแล้ว ดิฉันว่ายาจีนช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรงดีมาก ชนิดที่ว่าสำหรับดิฉันแล้ว บางทีไม่ได้ทานอาหารอย่างอื่นก็อยู่ได้ มีแรง บางครั้งที่มีปัญหาทานอาหารอะไรไม่ได้เลย ก็ได้ยาน้ำเทียนเซียนนี่แหละช่วยได้มาก

ตอนนี้ด้วยวัยเกือบ 80 ปี แม้บางวันอาจมีเรื่องเครียดหรือเหงาบ้างตามประสาผู้สูงอายุ แต่ดิฉันเชื่อว่าต้องพยายามหาอะไรทำให้ไม่เครียด และต้องทำหน้าที่ในบทบาทของตัวเองให้ดีที่สุด ต้องรู้ตัวว่าทำอะไรอยู่และต้องเตรียมตัวสำหรับวันข้างหน้า

ที่จริงแล้วคนเราไม่อยากคิดเรื่องความตาย สำหรับดิฉันเมื่อสูงวัยแล้ว คิดว่าควรเตรียมพร้อมสำหรับวันข้างหน้าอย่างไรมากกว่า ตอนนี้ก็คิดจะทำหนังสือรวบรวมเมนูอาหารที่มีประโยชน์ เช่น อาหารสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง อาหารตามกรุ๊ปเลือด แต่ก็คงต้องใช้เวลาและมีผู้ช่วย คงจะทำไปเรื่อยๆ แบบสบายๆ คือมีเวลาแค่ไหนเราก็ทำแค่นั้น ดิฉันไม่อยากพูดว่าหนังสือนี้อาจจะทำไว้เพื่อแจกในงานศพเรา แต่ทุกคนต้องมีวันนั้น ถ้าเราเตรียมพร้อม เรามีหนังสือแบบนี้ไว้แจก เชื่อว่าจะช่วยให้ความรู้และช่วยเหลือคนอื่นได้อีกมาก

เวลากว่า 5 ปีที่ผ่านไปจากการรักษารอบแรก แม้ผลการตรวจล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ จะมีก้อนเนื้อขนาดเล็กเกิดขึ้นมาบริเวณเดิมอีกครั้ง แต่ดิฉันก็พร้อมรับมือต่อสู้กับโรค

คราวนี้ผ่าตัดอีกรอบ แผลเล็กนิดเดียว เท่าเมล็ดน้อยหน่า รอบนี้ผ่าไปแล้วเกิดผลข้างเคียงคือหายใจไม่ออก ปอดตีบ ติดเชื้อ ต้องเข้าไปอยู่ในไอซียู 5 วัน ผ่านพ้นความตายมาแบบเฉียดฉิว เพราะหยุดหายใจไปแล้ว น้ำหนักก็ลดไปเยอะ แต่ก็ทานยาน้ำเทียนเซียนก็ช่วยฟื้นฟูได้เยอะ

ทุกวันนี้ดิฉันหายเป็นปกติกลับมาอยู่บ้าน พร้อมกับทำกิจวัตรประจำวันเป็นปกติ อาจจะดูข่าว ฟังวิทยุ ดิฉันให้ความสนใจกับข่าวสารบ้านเมือง และเรื่องเศรษฐกิจของประเทศ ติดตามอ่านหนังสือพิมพ์หลายฉบับ โดยเฉพาะบทความด้านสุขภาพที่มีประโยชน์

ถ้าหากจะให้แนะนำถึงข้อควรปฏิบัติสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง อยากบอกว่าตัวดิฉันมีหลักที่คิดเอง อาจจะถูกหรือไม่ก็ได้ ต้องใช้วิจารณญาณและความเหมาะสมของแต่ละบุคคล โดยดิฉันเชื่อว่าการรับประทานอาหารควรให้ถูกหลัก ควรกินอยู่แต่พอดีแค่ให้เรามีชีวิตอยู่ได้ เพราะหากเราอ้วนท้วนมะเร็งก็อ้วนไปด้วย

ในอดีตดิฉันเคยอ้วนท้วนสมบูรณ์มาก ไม่เคยคิดเลยว่าจะป่วยเป็นอะไรได้ แต่ด้วยการรับประทานอาหารและความเป็นอยู่เช่นนั้น อาจทำให้ภูมิต้านทานต่ำ จนพบเจอก้อนเนื้อร้ายขนาดถึง 3 เซนติเมตร ต้องผ่านการรักษามากมาย

จากวันนั้นดิฉันจึงปรับเปลี่ยนความเป็นอยู่ใหม่ โดยเลือกแนวทางแบบบูรณาการที่ควบคู่ไปทั้งการแพทย์แผนปัจจุบันและยาน้ำเทียนเซียน การดูแลด้านโภชนาการที่ดี และเรื่องสภาพจิตใจ พร้อมให้คำแนะนำกับคนทั่วไปว่า ต้องตรวจร่างกายบ้าง และต้องรักษาเร็ว เพราะโรคนี้จะไม่รู้ตัวจนกว่าอาการจะเกิดขึ้นเยอะมากแล้ว ดิฉันมีเพื่อนคนหนึ่งซึ่งปกติดีทุกอย่าง พอรู้ว่าป่วยเป็นมะเร็งก็ทรุดหนักเร็วมาก น้ำหนักลดไป 10 กิโลกรัม ผอมติดกระดูกจนเสียชีวิตไปเมื่อไม่นานมานี้

หลังการเสียชีวิตของเพื่อนสนิท จนยากจะทำใจ แต่ดิฉันก็พร้อมที่จะเป็นอีกคนที่ทำประโยชน์ให้สังคม หนังสือที่เตรียมจะทำออกมา หวังเป็นวิทยาทานให้ประโยชน์กับอีกหลายๆ คนในวันข้างหน้า และ ณ วันนี้ดิฉันก็ยังพร้อมที่จะฝ่าฟันโรค ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตด้วยตัวเอง

ที่มา
http://www.siamca.com/index.php?name=person&file=readknowledge&id=133

บอกเล่าข่าวต่อ เพื่อเป็นกำลังใจให้ทุกท่านครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น