วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ธรรมะชนะมะเร็ง วิถีแห่งอโรคยาศาล ณ วัดคำปะมง

ธรรมะชนะมะเร็ง วิถีแห่งอโรคยาศาล ณ วัดคำปะมง


หลวงตาปพนพัชร์ จิรธัมโม


เราอาจจะเคยได้ยินคำพูดที่ว่า "กาย" กับ "ใจ" มีความสัมพันธ์กันอย่างแยกไม่ออก นั่นหมายถึงว่า หาก "ใจ" ป่วย เป็นทุกข์ "กาย" ก็ป่วยไปด้วย และในทางกลับกัน หาก "จิตใจ" เต็มไปด้วยความสุข "สุขภาพร่างกาย" ของคนผู้นั้นก็ดีขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ

และคำกล่าวนี้ก็พิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริง หลังจาก "หลวงตาปพนพัชร์ จิรธัมโม" สามารถค้นพบว่า "ธรรมะ" ซึ่งทำให้จิตใจบริสุทธิ์สามารถเอาชนะโรคร้ายที่เป็นมัจจุราชคร่าชีวิตคนทั่วโลกอย่าง "โรคมะเร็ง" ได้อย่างไม่น่าเชื่อ




ณ วัดคำปะมง อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร เป็นสถานที่ที่ถูกเรียกว่า "อโรคยาศาล" นั่นเพราะที่นี่ไม่ใช่เพียงแค่วัดที่ทำหน้าที่คอยกล่อมเกลาจิตใจให้ชาวบ้านเท่านั้น แต่ "หลวงตาปพนพัชร์ จิรธัมโม" ผู้ซึ่งจำวัดยังที่แห่งนี้ ยังมีหน้าที่ดูแลสุขภาพให้ชาวบ้านด้วยวิธีการรักษาทางเลือกที่ไม่จำเป็นต้องใช้ยา หรือเครื่องมือที่ทันสมัย แต่กลับได้ผลอย่างชะงัด

ทุก ๆ วัน ชาวบ้านจากที่ต่าง ๆ ซึ่งกำลังถูกโรคร้ายอย่าง "มะเร็ง" คุกคาม ต่างพากันหลั่งไหลมายังวัดแห่งนี้คนแล้วคนเล่า เพื่อหวังให้ "หลวงตาปพนพัชร์ จิรธัมโม" ช่วยบำบัดอาการเจ็บป่วยเหล่านี้ให้หมดสิ้น ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา มีผู้ป่วยขอเข้ารับการรักษาจากหลวงตามาแล้วกว่า 2 พันคน และหลายคนหายจากโรคร้ายราวกับปาฏิหาริย์ แต่ในขณะที่บางคน แม้จะรักษาโรคมะเร็งไม่หาย แต่การได้เดินทางมายังวัดแห่งนี้ กลับได้พบกับทางสว่างที่ช่วยเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง

หากถามว่า จุดเริ่มต้นของ "อโรคยาศาล" เกิดขึ้นมาได้อย่างไร คงต้องย้อนกลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ที่ "หลวงตาปพนพัชร์ จิรธัมโม" ซึ่งยังใช้ชีวิตอยู่ในทางโลกได้เคยเข้ารับราชการในกรมชลประทาน ก่อนที่วันหนึ่ง จะได้เดินทางไปดูแลการก่อสร้างเขื่อนที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จนได้มีโอกาสเข้าไปกราบหลวงปู่สิม พระเกจิชื่อดัง และเกิดความเลื่อมใสศรัทธา ทำให้วันนั้น ท่านตัดสินใจหันหน้าเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ และออกแสวงบุญตามป่าเขา โดยไม่หันกลับมามองทางโลกอีกเลย




จนกระทั่งวันหนึ่ง หลวงตาได้ล้มป่วยลงด้วยโรคมะเร็งโพรงจมูกในระยะร้ายแรง คณะแพทย์จากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ได้พยายามรักษาท่านทุกวิธีทาง ทั้งการฉายแสง ให้ยา และทำคีโม จนร่างกายทรุดโทรมแทบจะรับไม่ไหว ในครั้งนั้น หลวงตาคิดเตรียมจะละสังขาร เพราะไม่ปรารถนาจะทุกข์ทนกับความเจ็บปวดครั้งนี้อีกแล้ว

แต่แล้ว ในคืนหนึ่งที่ท่านนั่งสมาธิ ทำจิตสงบนิ่ง กลับพบว่า ความเจ็บปวดที่รุมเร้ามานานแสนนานกลับหายไปสิ้น เหลือเพียงความว่างเปล่า และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ท่านเริ่มค้นคว้าตำรายาสมุนไพรโบราณ และต้มยาดื่มเอง ร่วมกับการนั่งสมาธิวิปัสสนา และควบคุมอาหาร สุดท้ายแล้ว ในการตรวจสุขภาพครั้งต่อไปของหลวงตา แพทย์กลับต้องพบกับความประหลาดใจ เพราะไม่พบเซลล์มะเร็งในร่างกายของหลวงตาอีกเลย

ด้วยเหตุนี้ หลวงตาจึงได้ก่อตั้ง "มูลนิธิอภิญญาณ อโรคยาศาล" ขึ้นในวัดคำปะมง เพื่อหวังจะช่วยเหลือผู้ที่กำลังทนทุกข์อยู่กับมะเร็งโดยไม่คิดค่ารักษาแม้แต่บาทเดียว ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่ที่เดินทางมาให้หลวงตาช่วยรักษาล้วนเป็นผู้ป่วยมะเร็งขั้นสุดท้ายที่แทบจะไม่มีที่ไหนรับรักษาแล้ว แต่มาที่นี่ หลวงตาจะใช้ยาต้มสมุนไพรรักษาผู้ป่วยควบคู่กับการให้ "ธรรมะ" เพื่อกล่อมเกลาจิตใจผู้ป่วย รวมทั้งรักษาจิตใจของญาติพี่น้องผู้ป่วยให้พ้นจากความทุกข์ไปด้วย

นอกจากนี้ สภาพแวดล้อมใน "อโรคยาศาล" ช่างแตกต่างกับห้องสี่เหลี่ยมในโรงพยาบาลอย่างสิ้นเชิง เพราะที่นี่แม้จะมีผู้คนมากมายหลากหลายมาอยู่ร่วมกัน แต่ทุกคนกลับอยู่ด้วยกันได้เหมือนกับเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน สามารถพูดคุยกันฉันเพื่อน พึ่งพาอาศัยช่วยเหลือซึ่งกันและกันเหมือนพี่น้อง ที่นี่จึงเปรียบเสมือนเป็น "บ้าน" อีกหลังของผู้ป่วยที่กำลังสิ้นหวัง เพราะต่างคนต่างเห็นว่าแต่ละคนล้วนมีปัญหาไม่น้อยไปกว่าตัวเอง แต่คนอื่น ๆ ก็ยังสู้ ดังนั้นตัวเองจึงเกิดแรงผลักดันและกำลังใจที่จะสู้ชีวิตต่อไปเฉกเช่นคนอื่น ๆ

หลาย ๆ คนที่ได้รับการเยียวยาทางจิตใจ ได้รับความรัก ความเข้าใจ จาก "บ้าน" หลังนี้ กอปรกับการรักษาด้วยยาสมุนไพร และ "ธรรมะ" ก็ทำให้พวกเขาหายขาดจากโรคร้าย และต้องเสียน้ำตาในวันที่ต้องจาก "บ้าน" หลังนี้ไป แต่อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงนั้นต้องยอมรับว่า ยังมีผู้ป่วยอีกหลายคนที่เป็นโรคมะเร็งในระยะสุดท้าย และต้องจาก "บ้าน" หลังนี้ไปพร้อมกับลมหายใจของตัวเอง ซึ่งทุกคนล้วนรู้ตัวเองดี

แต่ทว่า ผู้ป่วยในชุมชนแห่งนี้กลับไม่มีใครเป็นทุกข์กับความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามา เพราะหลวงตาจะคอยเทศนาธรรมะที่จะช่วยชี้ทางสว่างให้ทุกคนคิดได้ว่าควรจะปฏิบัติตัวอย่างไร หากวันแห่งความตายกำลังจะมาถึง เราจะเตรียมตัวตั้งรับกับมัน และใช้ชีวิตในช่วงเวลาสุดท้ายให้มีความสุขและสงบได้อย่างไร นั่นเพราะหลวงตาบอกเสมอว่า จุดประสงค์ในการรักษาโรคของหลวงตา ไม่ได้ต้องการให้ผู้ป่วยหายจากโรคเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการให้ความทุกข์ในจิตใจของทุกคนมลายหายไปด้วยนั่นเอง

และ "ธรรมะ" ที่ "หลวงตาปพนพัชร์ จิรธัมโม" พร่ำสอนให้ผู้สิ้นหวังในชีวิตทั้งหลายมาตลอดเจ็ดปี ก็อาจเป็นคำตอบของชีวิตที่ใครหลายคนตามหามานานแสนนาน จนกระทั่งมาเข้าใจคำว่า "ความสุข" และ "ความสงบ" ที่แท้จริง ในวาระสุดท้ายของชีวิตก็เป็นได้

คลิป คนค้นฅน ธรรมะรักษามะเร็ง หลวงตาปพนพัชร์ จิรธัมโม แห่งอโรคยศาล









ที่มา
http://hilight.kapook.com/view/58920